เรื่องการแต่งงานของไทย
ประเพณีและพฤติกรรมเกี่ยวกับตัวบุคคลนี้ในขุนช้างขุนแผนกล่าวว่า เมื่อมีการสู่ขอผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะไปพูดจาสู่ขอ กับผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว
จากขุนช้างขุนแผนตอนที่ ๗ นางทองประศรีได้ไปสู่ของนางพิม
กับนางศรีประจันโดยมีวิธีการพูดจาสู่ขอโดยกล่าวเป็นนัย ๆ ไว้ตอนหนึ่งว่า
จะขอพันธุ์ฟักแฟงแตงน้ำเต้า ที่ออเจ้าไปปลูกไว้ในไร่
ทั้งอัตคัดขัดสนจนเงินตรา จะมาขายออแก้วให้ช่วงใช้
อยู่รองเท้านึกว่าเอาเกือกหนัง ไม่เชื่อฟังก็จะหาประกันให้
ได้บากบั่นมาถึงเรือนอย่าเบือนไป จะได้หรือไม่ได้ให้ว่ามา
ฝ่ายนางศรีประจันนั้นรู้ว่าพลายแก้วชอบพอกับนางพิมอยู่จึงตอบตกลงว่า
ถึงยากจนอย่างไรก็ไม่ว่า แต่พร้าขัดหลังมาจะยกให้
อุตสาห์ทำมาหากินไป รู้ทำรู้ได้ด้วยง่ายดาย
หลังจากนั้นนางทองประศรีและนางศรีประจันซึ่งเป็นแม่ทัพของพลายแก้วและนางพิมก็พูดจาตกลงกันเรื่องสินสอด
เรือนหอ และวันงานว่า
ข้าจะให้ลูกข้าสิบห้าชั่ง ขันหมากมั่งน้อยมากไม่จู้จี้
ผ้าไหว้สำหรับหนึ่งก็พอดี หอมีห้าห้องฝากระดาน
เดือนสิบสองวันเสาร์ขึ้นเก้าค่ำ กำหนดงานจะทำให้คิดอ่าน
ทองประศรีรับคำมิได้นาน ตามแต่ท่านจะคิดไม่ขัดใจ
หลังจากนั้นก็จะเป็นการแต่งงานวันงานจะมีการยกขันหมากมีเงินสินสอด
ผ้าไหว้ตามที่ตกลงกันไว้
จะเห็นได้จากตอนที่นางทองประศรียกขันหมากมาสู่ขอนางพิมให้พลายแก้ว ได้กล่าวไว้ว่า
ครั้นรุ่งเช้าขึ้นพลันเป็นวันดี ทองประศรีจัดเรือกัญญาใหม่
เอาขันหมากลงบรรทุกขลุกขลุ่ยไป หามะโหรีใส่ท้ายกัญญา
ขันหมากเอกเลือกเอาที่รูปสวย นุ่งยกห่มผวยจับผิวหน้า
ก็ออกเรือด้วยพลันทันเวลา ครู่หนึ่งถึงท่าศรีประจัน
จึงจอดเรือเข้าหน้าสะพานใหญ่ ตาผลวิ่งไปเอาไม้กั้น
เสียเงินทองให้ขึ้นไปพลัน ขนขันหมากขึ้นบนบันได
ยายเป้าเถ้าแก่อยู่ที่บ้าน ก็นับขานเงินตราและผ้าไหว้
ครบจำนวนถ้วนที่สัญญาไว้ ให้ขนเข้าไปในเรื่อนพลัน
แถมพกยกของมาเลี้ยงดู ครั้นกินอยู่อิ่มดีขมีขมัน
ก็กลับเรือมาพร้อมหน้ากัน ถึงพลันจอดท่าพากันไป
หลังจากพิธียกขันหมากแล้วก็จะมีพิธีเลี้ยงอาหารตอนบ่ายนิมนต์พระสงฆ์มาสวดให้แล้วจึงมีการสาดน้ำคู่บ่าวสาว
เช่นในคำกลอนที่กล่าวไว้ว่า
ครั้นสุริยาเวลาบ่าย พลายแก้วย่างกรายมาจากบ้าน
ลงเรือพร้อมกันมิทันนาน รีบมายังบ้านศรีประจัน
กับเพื่อนบ่าวก็ก้าวขึ้นหอ พระมารอสวดมนต์สำรวมมั่น
เพื่อนสาวเข้าห้องล้อมกัน ออกจากเรือนนั้นมาทันใด
นั่งลงตรงหน้าท่านสมภาร แล้วท่านจึงส่งมงคลให้
กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก
พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศ
เรื่องประเพณีตรุษไทย
ตรุษ
เป็นเทศกาลสิ้นปีของไทย ก็เพราะตรุษไทยเริ่มในวันแรม ๑๔ ค่ำ และ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน
๔ ซึ่งในสมัยโบราณถือเป็นวันสิ้นปีเก่า การทำบุญในวันตรุษคือการสรงน้ำพระพุทธรูป
โดยมากมักจะนำพระพุทธรูปในบ้าน ที่หล่อด้วยทองเหลือง เอาส้มมะขามขัดจนหมดสนิม
แล้วเอาดินสอพองขัดให้ขึ้นเงาอีกทีหนึ่ง เพราะผู้ใหญ่ถือว่า ก่อนจะสรงน้ำท่าน
ต้องขัดองค์ให้งามเสียก่อน
“เดือนสี่พิธีตรุษ เจ้างามสุดผุดผาดดี
ชำระพระชินศรี หมดผงเผ่าเข้าบิณฑ์ถวายฯ
การบุญผคุณมาศน้อง นารี
ขาวสุดผุดผาดดี ส่องแก้ว
ชำระสระสรงสี พุทธรูป
ผงเผ่าเท่าหมดแล้ว แต่งเข้าบิณฑ์ถวายฯ
บรรณานุกรม
ระวัชร์ ปิ่นเขียน . คติชนวิทยา. ราชบุรี : สถาบันราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง, ๒๕๔๒.
ระวัชร์ ปิ่นเขียน . คติชนวิทยา. ราชบุรี : สถาบันราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง, ๒๕๔๒.
มีข้อมูลอีกไหมครับ ข้อมูลหายาก
ตอบลบ